Mammo

อโวคาโด

                                      


                                                                               อโวคาโด


แม้ว่า อโวคาโด จะไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายในประเทศมากนักแต่สรรพคุณและประโยชน์ของอโวคาโดก็มีมากมิใช่น้อยเรียกได้ว่า ไม่แพ้สมุนไพรชนิดต่าง ๆ เลยค่ะ แม้สีสันและหน้ารวมถึงกลิ่นจะไม่น่าประทับใจใครหลาย ๆ คนนักแต่ ประโยชน์ของอโวคาโด ห้ามมองข้ามเด็ดขาดค่ะ ประโยชน์ของอโวคาโด นั้นจัดว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพเชียวนะค่ะเพราะให้คุณค่าต่อร่างกายของเรามากจริง ๆ เรามาดู สรรพคุณของอโวคาโดและ ประโยชน์ของอโวคาโด กันเลยดีกว่า

สรรพคุณ และประโยชน์ของอโวคาโด

1.เนื้อผลประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ประมาณ 4-20% แล้วแต่พันธุ์ โดยกรดไขมันในอะโวคาโดร้อยละ 70เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด monounsaturater fatty acid ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยช่วยลดปริมาณ LDL-cholesterol ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย และเพิ่มปริมาณ HDL-cholesterolในเลือดซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลดีต่อร่างกาย มีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดไขมันในเส้นเลือด คนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงก็บริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้และใช้ลดน้ำหนักได้ดี เพราะปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่มีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจึงสามารถบริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้
2. น้ำมันอะโวคาโด (Avocado oil) เป็นน้ำมันสกัดจากเนื้อของผลอะโวคาโด เป็นน้ำมันที่ดูดซึมสู่ผิวหนังได้ดี
ที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันข้าวโพดน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันมะกอก ประกอบด้วยวิตามินอี กรดไขมัน linoleic และ oleic, phytosterol ใช้นวดศีรษะเร่งการงอกของผม น้ำมันนี้มีกลิ่นคล้ายเมล็ดถั่วคงตัวดี น้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารก็มีส่วนช่วยให้วิตามินและสารอาหารที่ละลายในไขมันสามารถถูกดูดซึมนำไปใช้ได้ สลัดผักจำพวกผักใบเขียวอย่างผักโขม เลตตูซ มะเขือเทศ และแครอทที่ใช้น้ำมันสลัดที่ปราศจากไขมันจะทำให้คาโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมันซึ่งอยู่ในพืชผักเหล่านี้ไม่สามารถูกดูดซึมนำไปใช้ได้ ไขมันที่อยู่ในอะโวคาโดช่วยในการดูดซึมคาโรทีนอยด์ที่ช่วยต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไลโคพีนในมะเขือเทศเบต้า-แคโรทีนในผักสีส้ม และลูทีนในผักใบเขียว
3. วิตามินสูง ประกอบด้วย วิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันหวัดเลือดออกตามไรฟัน และโดยเฉพาะวิตามินอี ซึ่งเป็นสาร antioxidant ที่มีคุณค่าในการปกป้องเซลล์ ร่างกายจากมลพิษทางอากาศ น้ำ และอาหาร ป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ ในผู้ใหญ่ควรบริโภควิตามินอีอย่างน้อย 10 mg ต่อวัน ผู้หญิงในอเมริกาใต้และเม็กซิโกใช้ผลอะโวคาโดสดสำหรับบำรุงเส้นผมและผิวพรรณมานับพันปีแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้งให้นำอะโวคาโดมาบดผสมกับกล้วยหอมสุขและน้ำผึ้งในอัตรส่วน 1:1:1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ15 – 20 นาที แล้วล้างออก คุณก็จะมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาและยังใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญเพื่อการสกัดน้ำมันในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอางประทินผิวต่าง ๆ
4. อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโซเดียม โพแทสเซียม โฟเลต ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลโดยเฉพาะโฟเลตนั้นเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อของทารก คนไทยสมัยก่อนใช้กล้วยเป็นอาหารเลี้ยงทารกอะโวคาโดก็เช่นกันสามารถใช้เป็นอาหารเลี้ยงทารกได้โดยอาจใช้เนื้ออะโวคาโดสุกป้อนเด็กทารกโดยตรงหรือผสมกับกล้วยน้ำว้าสุกอัตราส่วน 1:1
5. โปรตีนสูงกว่าผลไม้สดอื่น ๆ ประมาณ 0.8 – 1.7 % โดยให้ค่าพลังงานความร้อนต่อร่างกายสูงแต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเยื่อใยสูงซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย