ศูนย์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง

โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศ


เปิดให้บริการตรวจวินิจฉัยโรคค่างๆของร่างการตลอด24ชั่วโมง ติดต่อสอบถามและเข้ารับการตรวจได้ที่ โทร 


  

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์เป็นวิธีการตรวจทางภาพทางการแพทย์ที่ใช้เป็นการสร้างภาพแบบ 3 มิติ คือมี กว้าง ยาว สูง จากชุดของภาพเอกซเรย์ที่ได้ใน 2 มิติ  ข้อมูลภาพเอกซเรย์ที่ได้จะถูกสร้างให้มีลักษณะเป็นปริมาตร ซึ่งสามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะในการนำเสนอเป็นภาพอวัยวะในมุมมองต่างๆ ได้ตามต้องการ  

เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ Computed Tomography (CT) เป็นเครื่องมือที่ใช้หลักการของรังสีเอกซ์ โดยผู้ป่วยจะนอนอยู่ภายใต้เครื่องตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และมีการให้รังสีเอกซ์ผ่านมาที่ร่างกายของผู้ป่วยในตำแหน่งที่ต้องการตรวจ เนื้อเยื่อของร่างกายจะมีการรับรังสีและให้รังสีที่เหลือผ่านมายังตัวรับของเครื่อง จากนั้นคอมพิวเตอร์จะนำสัญญาณที่ได้รับนี้ไปประมวลผล และสร้างภาพออกมา โดยที่เนื่อเยื่อของร่างกายจะรับหรือดูดซึมรังสีที่ต่างกัน ทำให้สัญญาณที่หลงเหลือมาที่ตัวรับของเครื่องย่อมแตกต่างกันไปด้วย เช่นกระดูกจะรับรังสีมากที่สุดและให้รังสีผ่านออกมาน้อย ตรงข้ามกับลมในปอดหรือในลำไส้ จะให้รังสีเอกซ์ผ่านมาได้มาก ภาพที่ถูกคอมพิวเตอร์สร้างขึ้นมาจากสัญญาณหรือปริมาณรังสีที่ผ่านมา ทำให้เห็นตำแหน่งกระดูกเป็นสีขาวหรือตำแหน่งที่เป็นลมให้ภาพเป็นสีดำ ส่วนเนื่อเยื่ออื่นๆก็จะให้รังสีผ่านออกมาต่างกันทำให้ขั้นสุดท้ายสามารถเห็นรายละเอียดของอวัยวะหรือรอยโรคที่แตกต่างกันได้ ในปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมสร้างภาพ ทำให้การตรวจนี้มีความชัดเจนแม่นยำ รวดเร็วและสามารถสร้างภาพของร่างกายในระนาบต่างๆ เช่นภาพตัดขวางของร่างกาย ภาพตามแนวนอน หรือแนวด้านข้างของลำตัว  หรือการสร้างภาพแบบ 3 มิติ ทำให้เห็นรายละเอียดหรือความสัมพันธ์ทางกายวิภาคของตำแหน่งที่ผิดปกติหรือรอยโรคได้ชัดเจน

ในปัจจุบันมีการใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อการตรวจวินิจฉัยมากขึ้น และมีการใช้สารทึบรังสี ด้วยการกิน การสวนทางทวารหนัก หรือการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อเพิ่มความชัดเจนของอวัยวะและหลอดเลือดส่วนต่างๆ รวมถึงรอยโรคหรือตำแหน่งพยาธิสภาพให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น

  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของสมอง เพื่อตรวจวินิจฉัยเกี่ยวกับโรคของหลอดเลือดสมอง หรือเนื้องอก
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของทรวงอก เพื่อตรวจวินิจฉัยเกี่ยวกับเนื้องอกหรือการติดเชื้อของปอด หรือตรวจหลอดเลือดของหัวใจ 
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของช่องท้อง เพื่อตรวจหาสาเหตุความผิดปกติของอวัยวะในช่องท้อง เช่นตับ ทางเดินอาหารและทางเดินปัสสาวะ ในเรื่องของเนื้องอก การอักเสบ การติดเชื้อ เป็นต้น
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของหลอดเลือด
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของกระดูกในภาวะอุบัติเหตุ เพื่อตรวจหากระดูกหักในส่วนที่ตรวจได้ยากจากการเอกซเรย์ธรรมดาเช่นกระดูกหักบริเวณใบหน้า หรือเบ้าตา

สรุปเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ใช้เพื่อตรวจวินิจจฉัย ตรวจหาเนื้องอกในอวัยวะต่างๆ รวมทั้งตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก ตรวจหาการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ ใกล้เคียง ตรวจดูการคั่งของเลือดในสมอง ช่องท้อง และอุ้งเชิงกราน ตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดโป่งพอง เส้นเลือดอุดตัน เป็นต้น และตรวจหาความผิดปกติของกระดูก และข้อต่อต่างๆ เช่น การหัก การหลุด และการอักเสบ เป็นต้น

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ต่างจากเอกซเรย์ธรรมดา
ความแตกต่างระหว่างการเอกซเรย์ธรรมดากับเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ คือเอกซเรย์ธรรมดา จะให้ภาพการตรวจเป็นภาพ 2 มิติคือกว้าง และยาว ไม่สามารถบอกความลึกได้ และจะให้ภาพเป็นภาพรวมของทั้งอวัยวะ ดังนั้นจึงเป็นข้อจำกัดของเอกซเรย์ธรรมดาเมื่อเปรียบเทียบกับเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการตรวจที่ซับซ้อนกว่าเอกซเรย์ธรรมดามาก ซึ่งจะให้ภาพเป็น 3 มิติ และยังซอยภาพอวัยวะออกเป็นแผ่นบางๆในภาพตัดขวางได้หลายสิบแผ่น จึงช่วยให้แพทย์อ่านความผิดปกติของอวัยวะนั้นๆได้ละเอียดและแม่นยำกว่า

ข้อจำกัดในการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

ตั้งครรภ์ หากไม่ใช่ในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน แพทย์จะให้ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ใช้วิธีการอื่นในการตรวจวินิจฉัย เพื่อเลี่ยงไม่ให้รังสีเอกซเรย์ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
เด็ก ในผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ผู้ปกครองควรปรึกษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ถึงการเตรียมตัวก่อนให้เด็กเข้าเครื่อง หากเด็กยังเล็กมาก หรือรู้สึกตื่นกลัวมาก แพทย์จะให้ยาระงับประสาทเพื่อบรรเทาอาการก่อนตรวจ
สแกนเมื่อจำเป็น ผู้ป่วยควรตรวจ เมื่อมีเหตุจำเป็นอันสมควเมื่อผู้ป่วยมีอาการป่วยที่ปรากฏเท่านั้น โดยจะไม่ใช้  เพื่อการคัดกรองเบื้องต้น เพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจากการได้รับรังสีเอกซเรย์ และเพิ่มความวิตกกังวลเกินจำเป็น 

ขั้นตอนในการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

การเตรียมตัว 

  • ผู้ป่วยควรซักถามถึงข้อสงสัยที่มี อย่างสาเหตุ ความจำเป็น ความเสี่ยง และประโยชน์ที่ได้จากการตรวจ
  • ก่อนตรวจ ผู้ป่วยควรสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ ที่ไม่มีส่วนประกอบของโลหะ เช่น ซิป เข็มขัด ถอดแว่นตา ฟันปลอม และไม่สวมใส่เครื่องประดับใด ๆ ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจต้องเปลี่ยนใส่ชุดที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ เพื่อให้สะดวกต่อการฉายรังสีและการสร้างภาพ
  • สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการเอกซเรย์ช่องท้อง แพทย์อาจแนะนำให้งดอาหารเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนตรวจ เพื่อไม่ให้รบกวนผลการตรวจ และให้ได้ภาพฉายที่ชัดเจน หรือแพทย์อาจให้รับประทานยาระบายก่อนการตรวจ
     

ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยา ปัญหา และภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น

  • กำลังตั้งครรภ์ หรือคาดว่าอาจตั้งครรภ์อยู่
  • เป็นหอบหืด 
  • เป็นโรคเบาหวาน และกำลังใช้ยาเมทฟอร์มิน (Metformin) ซึ่งอาจต้องปรับเปลี่ยนการใช้ยา 1 วัน ก่อนตรวจ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับไต
  • ป่วยด้วยโรคหัวใจ หรือมีภาวะหัวใจล้มเหลว
  • เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัลติเพิล มัยอีโลมา (Multiple Myeloma)
  • มีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากก่อนตรวจ
  • เคยสวนแป้งแบเรียม (Barium Enema) เข้าทางทวารหนักแล้วทำการเอกซเรย์มาก่อนหน้าไม่เกิน 4 วัน เนื่องจากแบเรียมจะปรากฏบนฟิล์มเอกซเรย์ ทำให้เห็นภาพฉายได้ไม่ชัดเจน
  • เคยมีประวัติการแพ้สารทึบรังสีที่ใช้ในการตรวจ

ก่อนทำการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

ในผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจให้สารทึบรังสี (Contrast Material) เข้าไปในร่างกายเพื่อช่วยให้ภาพฉายในบริเวณต่าง ๆ ที่ต้องการตรวจเห็นได้ชัดเจนขึ้น โดยอาจใช้วิธีให้ผู้ป่วยดื่มสารทึบรังสีเข้าไป ฉีดสารทึบรังสีเข้าสู่เส้นเลือด หรือสอดสารทึบรังสีเข้าสู่ลำไส้ผ่านทางทวารหนัก

หากผู้ป่วยมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แพทย์อาจให้ยาระงับประสาทเพื่อคลายความกังวลก่อนการเอกซเรย์ โดยผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาดังกล่าวนี้ ต้องเตรียมการให้ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดมารับกลับหลังจากเสร็จขั้นตอน เนื่องจากฤทธิ์ของยาจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถขับขี่ยานพาหนะได้ตามปกติ

การทำการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

เมื่อเริ่มทำการตรวจ ผู้ป่วยต้องนอนราบลงบนเตียงของเครื่องสแกน เตียงจะถูกเคลื่อนเข้าไปภายในเครื่อง ให้บริเวณที่ต้องการจะสแกนอยู่ตรงกับวงแหวนสแกน และเครื่องจะเริ่มทำการสแกนด้วยการหมุนเพื่อฉายรังสีเอกซเรย์ไปรอบ ๆ ตัวผู้ป่วย โดยที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะฉายภาพที่ได้ออกมาเรื่อย ๆ ผู้ป่วยควรผ่อนคลายความกังวล นอนราบนิ่ง ๆ และหายใจตามปกติ ในบางกรณีผู้ป่วยอาจต้องหายใจเข้า หายใจออก หรือกลั้นหายใจตามคำสั่งแพทย์ เพื่อให้ภาพถ่ายรังสีออกมาชัดเจน โดยในระหว่างที่อยู่ในเครื่อง ผู้ป่วยสามารถสื่อสารกับแพทย์และนักเทคนิคที่ดูแลการสแกนได้ผ่านอินเตอร์คอม  และการสแกนจะสิ้นสุดลงภายในเวลาประมาณ 2-5 นาที

ผลการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

หลังทำการตรวจเสร็จ เครื่องคอมพิวเตอร์จะประมวลภาพออกมา รังสีแพทย์จะอ่านผลที่ได้และรายงานต่อแพทย์ผู้ดูแล ซึ่งแพทย์จะสรุปผลการตรวจและพูดคุยกับผู้ป่วยต่อไป

การดูแลตนเองหลังการตรวจ

หลังทำการตรวจ ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านและทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือขับรถได้ตามปกติ แล้วมาตามนัดหมายเพื่อฟังผลจากแพทย์ ยกเว้นผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาระงับประสาทเพื่อคลายความกังวลก่อนเข้าเครื่อง ซึ่งจะทำให้รู้สึกมึนงงหรือง่วงซึมได้ ควรให้คนมารับกลับ ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะด้วยตนเองเพราะอาจเกิดอันตรายได้

ส่วนผู้ป่วยที่ต้องใช้สารทึบแสงช่วยให้การฉายภาพเอกซเรย์ชัดเจนขึ้น หลังทำการตรวจ แพทย์อาจให้อยู่รอดูอาการที่โรงพยาบาลประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อดูว่าผู้ป่วยมีอาการแพ้จากการใช้สารทึบรังสีหรือไม่ โดยผู้ป่วยควรดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อช่วยให้ไตขับสารทึบรังสีออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ หากผู้ป่วยมีข้อสงสัยประการใด ควรรีบถามและปรึกษาแพทย์ให้ทราบอย่างแน่ชัด

หากพบอาการที่เป็นสัญญาณอันตรายดังต่อไปนี้ ควรรีบแจ้งทันที

มีผดผื่นคันหรือบวม  หน้าบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ หรือเป็นลม  มีการปัสสาวะลดลงอย่างกะทันหัน มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ หายใจลำบาก

ข้อดีของการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

  1. สามารถสแกนตรวจอวัยวะในร่างกายส่วนใหญ่ได้เช่น ระบบสมอง ช่องท้อง กระดูก ระบบหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
  2. ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดในขณะตรวจสแกน เพียงแค่นอนนิ่งๆประมาณ 5-10นาทีเท่านั้น
  3. ภาพที่ได้มีรายละเอียดสูง ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น
  4. สามารถตรวจหรือสแกนได้รวดเร็ว

ข้อจำกัดของการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

  1. อาจมีวัตถุแปลกปลอมที่รบกวนการแปลผลเอกซเรย์ เช่น เครื่องประดับต่าง ๆ
  2. ในขณะสแกน ต้องมีการกลั้นหายใจ ซึ่งผู้ป่วยบางรายไม่สามารถปฏิบัติได้ ในการสแกนสมอง อาจถูกกระดูกส่วนกะโหลกศีรษะบัง ทำให้แปลผลคลาดเคลื่อน
  3. ในตำแหน่งอื่น ๆ ที่มีกระดูกอยู่จำนวนมาก เช่น บริเวณกระดูกสันหลัง อาจเกิดการบดบังอวัยวะส่วนที่ต้องการตรวจวินิจฉัย จึงทำให้ภาพ มีโอกาสแปลผลคาดเคลื่อน
  4. ใช้รังสีปริมาณมาก อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจากการได้รับรังสีมากเกินไป

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

  • การได้รับรังสีเข้าสู่ร่างกาย อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจากการได้รับรังสีมากเกินไป แต่ยังไม่พบว่า จะส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายในระยะยาวได้ และด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน มีโอกาสที่ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งจากรังสีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งในผู้ป่วยที่ตรวจ จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อผู้ป่วยเป็นเด็ก หรือเด็กโต และผู้ที่เข้ารับการตรวจด้วยการฉายรังสีเป็นประจำ
  • ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารทึบรังสี มีโอกาสที่ผู้ป่วยที่ต้องใช้สารทึบรังสีจะมีอาการแพ้หลังจากได้รับสารเข้าสู่ร่างกาย เช่น มีผดผื่นคัน หายใจติดขัด ปวดท้อง ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เป็นต้น
  • เสี่ยงเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ รังสีจากการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ อาจกระทบต่อทารกในครรภ์และทำให้เกิดความผิดปกติซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กที่จะเกิดมา หากผู้ป่วยตั้งครรภ์ แพทย์จะแนะนำให้ใช้วิธีการอื่นในการตรวจวินิจฉัย
  • เสี่ยงเกิดอันตรายต่อทารกแรกเกิด สารทึบแสงที่อยู่ภายในร่างกายอาจส่งผ่านไปยังทารกในขณะที่ผู้ป่วยให้นมบุตร ทำให้เด็กมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจากการได้รับสารทึบรังสีเข้าสู่ร่างกาย   

เขียนรีวิว

โน๊ต: ไม่รองรับข้อความแบบ HTML!
    ไม่ชอบ           ชอบ

ศูนย์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศ

  • รหัสสินค้า: 000
  • สถานะสต๊อก: มีสินค้าในสต๊อก
  • $0.00

  • ยังไม่รวมภาษี: $0.00